~*MemBRer*~

...tak cartoon jar por june took nuch maw net am dow jang r noon tang...

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2551

เรื่องเล่าจากร้านคอม ตอน ที่ 2

ลงเรื่องเครียด ๆ มา 2 เรื่องซ้อนแล้ว

( เพื่อประกาซให้คนอื่นรู้ว่า บล็อกช้านก็มีสาระเหมือนกันนะยะหล่อน)


คราวนี้เอาเรื่องเบา ๆ บ้างก็แล้วกันเนอะ



อืม นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เก็บตกได้จากร้านคอม ( คนละร้านกับคราวที่แล้วนะ) แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นระหว่างทำโบชัวร์ชีวะแทน


เราก็นั่งทำงานของเราไป หูก็ใส่หูฟังไว้ แต่ไม่ได้เปิดเพลงอะไรหรอก

ใส่ไว้งั้นแหละ กันเสียงรบกวน

เอ่อ ความจริงก็กันอะไรไม่ค่อยได้หรอก

แต่ก็จะใส่ ใครจะทำไม

ข้างขวา ก็มีตาลุงนั่งดูตารางประมูลพระเครื่องอยู่

ข้างซ้ายก็ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งเล่นแชท

เราก็ทำงานไป ไม่ได้สนใจอะไร

มีแวบไปแอบอ่านนิยายในเด็กดีนิด

แชท msn กับเพื่อนหน่อย

แล้วจู่ ๆ พี่ผู้หญิงข้าง ๆ ก้คว้าโทรศัพท์มากดหาใครก็ไม่รู้ (จากการสอดแนมของเราพบว่าน่าจะเป็นพี่สาวร่วมโลก )

และจากการที่ไม่มีเสียงอะไรกรอกหูเรามาก่อน

เราก็ได้ยินผู้หญิงคนนั้นคุยสารทุกข์สุกดิบกับคนในสาย ถามหาญาติพี่น้องว่าเป็นไงกันบ้าง

( ขณะนี้เราเดาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นเด็กต่างจังหวัดขึ้นมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ ฯ )

และแล้ว ฉากเด็ดก็บังเกิด


แต่น แต๊น


ผู้หญิงคนนั้นเปิดอีเมล์ขึ้นมาฉบับหนึ่ง


เลื่อนขึ้นลงไปมา เหมือนว่าไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ไหน


แล้วก็พูดว่า


…พี่ สตูเค้าส่งเมล์มาอีกแล้ว ก็เรื่องนั้นแหละ จะเรื่องไหน หนูยังไม่กล้าบอกพ่อเลยนะเนี่ย พ่อต้องไม่ยอมแน่ สตูส่งรายละเอียดมาให้ทั้งหมดเลยแล้วด้วย…

…อยากถ่ายมั้ยเหรอ หนูก็บอกไม่ถูก ไอ้กลัวพ่อเสียใจก็กลัว แต่เงินมันก็ไม่น้อยเลยพี่...


…แหม พี่ ตั้ง สามแสน อยู่ หนูก็ต้องอยากได้อยู่แล้วแหละ แต่อย่างว่านะ ได้อย่างเสียอย่าง ถ้าหนูถ่ายไป ชีวิตหนูก็คงไม่เหมือนเดิม พ่อก็คงไม่ชอบเท่าไหร่…

…แน่นอนละ ชัวร์พี่ ถ้าจะถ่ายก็ไม่รีทัชแน่ และก็ต้องมีฝ่ายเราไปคุมด้วย…


…เฮ้อ คิดหนักนะเนี่ย ก็ถ่ายนู้ดนี่นะ ฮะฮะ…


…ในเมล์นี่บอกไว้ละเอียดเลยพี่ ว่าน้องต้องใส่ชุดอะไร เว้าแค่ไหน ผ้านี่เป็นผ่าซีทรูทั้งหมดนะ เวลาโพสงี้ต้องยืนยังไง นอนยังไง เงยยังไง นั่งแบบไหน โอย หนูอ่านไปก็อึ้งไป ธุรกิจพวกนี้มันเจริญขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย…

…เอ คิด ๆ ดูแล้ว หนูไม่เอาดีกว่า สามแสนนะ หาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ภาพพจน์เรา เสียแล้วเสียเลย เรียกกลับยังไงก็ไม่ได้ อีกอย่าง หนูมีพ่อคนเดียวด้วย หนูไม่อยากให้พ่อเสียใจ…


…แค่นี้นะพี่ หนูไปกินข้าวดีกว่า หิวแล้ว…


เราได้ยินตอนแรกก็เฉย ๆ ไม่สนใจ แต่หลัง ๆ ก็เริ่มหูผึ่ง และก็มาอึ้งตอนก่อนจะจบ โอย ไอ้เราก็ลุ้นไปกับเค้าด้วย ว่าเค้าจะตัดสินใจยังไง ถ่าย ไม่ถ่าย จำได้ว่ามื้องี้แข็งค้างเลย ตาก็พยายามเหล่มองอีเมล์เค้าอยู่นั่นแหละ กลัวเค้าจับได้สุด ๆ เลยแหละว่าเราแอบฟังเค้าคุยกัน


ยิ่งตอนเค้าเดินออกจากร้านไปนะ เรางี้เหลียวมองหลังเค้าคอเคล็ดเลย เข้าใจแล้วว่าทำไมสตูถึงอยากได้เค้าไปเป็นนางแบบ เค้าสูงมาก หุ่นก็ดี แถมยังเซ็กซี่สุด ๆ ไปเลย ว้าว ที่ตลกนะ คือพอเค้าออกไปนอกร้านปุ๊บ เด็กมหาลัยคนหนึ่งก็เหลียวมองเค้าจนเดินตกท่อไปเลย 555+++



โอย จบนี้ดีกว่า ง่วงแล้วด้วย


เรื่องเล่าจากร้านคอม

เมื่อวันก่อนนั่งทำบล็อกในร้านคอมใกล้ ๆ หอพัก
เจ๊เจ้าของร้านดุลูกชายแกเค้าลูกตัวเองที่เอาแต่เล่นเ กม ไม่ยอมช่วยเค้าทำงานว่า


“ นี่ ไอเอ..แกเอาแต่เล่นอยู่นั่นแหละ แม่บอกให้ช่วยดูลูกค้าให้ด้วย ทำไมไม่ดูให้แม่ หา ไปเลยนะ จะไปไหนก็เบื่อไอลูกคนนี้ซะจริง ”


โอ้ พระเจ้า เจ๊แกเล่นด่าลูกไม่มีเกรงใจคนอื่นเลย ลูกแกงี้ก็ชักสีหน้าใส่แม่ เหมือนจะบอกว่า ด่าไปเหอะ จ้างให้ก็ไม่สนยังไงยังงั้นแหะ


1 ชั่วโมง ผ่านไปไวยังกับเครื่องบินจากกรุงทพฯ ไป ภูเก็ต


พี่กบ... น้องชายอาเจ๊ ก็เข้ามาในร้าน พร้อมกับคำบ่นเรียบ ๆ ช้า ๆ แต่เจ็บจี๊ดสุดยอดว่า


“ เอ.. แกอยากเป็นง่อยเหรอ วัน ๆ เอาแต่เล่น ไม่เล่นก็กิน ไม่กินก็หาเรื่องชกต่อย แกเกิดมาล้างผลาญแม่แกอย่างเดียวรึไง ไม่สงสารแม่บ้างเหรอ ” พูดเสร็จปุ๊บ พี่แกก็จรลีจากไปปั๊บ


แต่คำพูดของพี่แกมันยังก้องอยู่ในหัวเค้าอยู่เลย


อยากเป็นง่อย


เกิดมาเพื่อล้างผลาญ


และ....


ไม่สงสารแม่บ้างเหรอ

คุณละ เคยคิดบ้างมั้ยว่าตัวคุณเกิดมาเพื่อล้างผลาญพ่อแม่อย่างเดียวรึปล่าว


คุณได้ทำประโยชน์ให้บุพพการีบ้างมั้ย


คนเราเกิดมาไม่มีทุนแม้แต่นิดเดียว ตัวเปล่าด้วยกันทั้งน้านนนน


ทุกอย่างที่มีในปัจุบัน มันก็มีจุดเริ่มต้นมาจาก “ทุน” ที่พ่อแม่ให้มาด้วยกันทุกคน


วันนั้น นั่งทำบล็อกต่อไม่ได้เลย


อยากเข้าไปถามเด็กคนนั้นเหลือเกินว่า


ยอมให้เค้ามาว่าเราอย่างนี้ได้ไง


เราจะยอมให้เค้าดูถูกเรางั้นเหรอ


ให้เค้าเรียกเราว่า ไอตัวล้างผลายแล้วเดินหนีไปเฉย ๆ งั้นเหรอ


ยอมได้ไง น้องยอมได้ไง


ทำไมไม่เถียงเค้าบ้างละ หรือว่า


น้องเป็นอย่างที่เค้าว่าจนไม่มีอะไรจะเถียงเค้าแล้ว


ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องปรับปรุงตัวเองซิ


ทำไมไม่ปรับปรุงตัวบ้าง


แต่คำพูดทั้งหมดก็ไม่ได้หลุดออกจากปากเราเลย


มันพูดไม่ได้


อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเรา เราก็ไม่ควรยื่นจมูกเข้าไปเกี่ยว


เพราะแถวบ้าน เค้าเรียกว่า เสื...









คุณคิดว่าเหตุการณ์นี้มันจบยังไง


เด็กที่โดนด่าทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฉยๆ


เด็กที่โดนด่า สบถคำหยาบ โมโหลับหลัง ไม่ให้อาตัวเองยิน


เด็กคนนั้นซึม เงียบ คิดได้ว่าควรทำตัวยังไง


ไม่ละ ฉากจบที่ไม่มีใครอื่นได้เห็นนอกจากเรา... มันไม่สวยงามขนาดนี้หรอก


มันโหดร้าย ทำร้ายความรู้สึก คนที่เห็นเหตุการณ์


เจ๊... แม่ของเด็กคนนั้นได้ยินทุกคำพูดที่น้องชายตัวเองด่าลูกตัวเอง


แล้วก็ร้องไห้ ใช่ คุณอ่านไม่ผิดหรอก


ไม่ได้ตาฝาดด้วย


และแน่นอน สมองคุณไม่ได้เกิดอาการกระทบกระเทือนอะไรทั้งนั้น


นี่คือเรื่องจริง


เจ๊แกหลบไปร้องในห้องน้ำ เราได้ยินเสียงเพราะตอนนั้นกะจะเดินไปเข้าห้องน้ำหลังร้านพอดี


ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีจิตวิญญาณความเป็นแม่เต็มเปี่ยม


รับไม่ได้กับการที่ลูกตัวเองโดนดูถูก แม้ว่านั่นจะเป็นเรื่องจริงที่แม่รู้อยู่เต็มอกก็ตาม


มันยังรับไม่ได้อยู่ดีที่มีคนอื่นนอกจากตัวมาว่าลูก


ทั้งๆที่ คนอื่นนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล น้องตัวเองนี่แหละ


แต่ก็นะ ลูกใคร ใครก็รัก


เรานะ อยากให้แด็กคนนั้นเลิกทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาซะทีเหอะ สงสารเจ๊แกมาก


ก่อเรื่องวุ่นวายให้เจ๊แกตามแก้มาหลายครั้งแล้ว ( อันนี้พี่ที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้าง ๆ หันมากระซิบให้ฟัง )


ไม่ไหวจริง ๆ เด็กคนนี้


ไม่สงสารแม่บ้างเหรอ


ใช่คำพูดสุดท้ายของพี่อ...ที่ทิ้งไว้


ไม่สงสารแม่บ้างเหรอ


พวกคุณเคยคิดถึงคำนี้กันบ้างมั้ย


หรือว่ามันไม่เคยอยู่ในหัวของคุณเลย


แม่คุณจะน้ำตาไหลเพราะความปิติ


หรือเสียน้ำตาเพราะความเหลวแหลกของคุณ



คำตอบ มันอยู่ที่ตัวคุณทั้งนั้น








วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2551

เกราะ

อืม เรื่องของ zealshesis นี่ไว้ต่อภาค 2 กันคราวหน้าก็แล้วกันนะ


สัญญาว่าจะอธิบายอย่างละเอียดเลย ว่ามันคืออะไรและมีที่มาว่ายังไง







เอาละ วันนี้จะเขียนเรื่องอะไรดีน้อ.......





นึกไม่ออกแฮะ






อืม เขียนเรื่อง เกราะ ดีกว่า




คุณรุจักเกราะรึปล่าว




คำว่าเกราะในความเห็นของคุณคืออะไร ?







ค่าของมันอยู่ที่ไหน






และ เกราะที่สำคัญที่สุดคืออะไร








************************************



มาต่อแล้วค่ะ เพื่อน ๆ ทุก ๆคน










ห่ชีวิ


นับตั้งแต่วินาทีที่คนเราเริ่มจำความได้ เริ่มมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง เราก็ได้สร้างเกราะแห่งชีวิตขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และเนื่องจากมันเป็นเพียงเกราะบางๆ เราจึงไม่สามารถมองเห็นมันได้ แต่แม้กระนั้น เกราะบางๆมันก็กลับกลายเป็นสิ่งที่คอยปิดบังความคิดและความรู้สึกที่แท้จริงของมนุษย์เอาไว้ได้อย่างแยบยล

เกราะแห่งชีวิต ไม่ใช่เกราะที่คอยปกป้องคุ้มกันชีวิตของเราให้รอดพ้นจากภัยอันตรายใดๆทั้งปวง แต่เป็นเกราะที่คอยปิดบังสิ่งที่เราไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้รับรู้มัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม และมันจะยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป จนกว่าที่เราจะเข้มแข็งพอที่จะเปิดเผยสิ่งเหล่านั้นออกมาให้คนอื่นได้รับรู้

"เกราะ" ต่างจาก "หน้ากาก" ตรงที่เราไม่ได้สร้างมันขึ้นมาด้วยความจงใจ ไม่ได้มีเจตนา แต่ถึงแม้เราจะไม่ได้ตั้งใจให้มันมีขึ้น แต่เราก็พอใจที่มันทำหน้าที่ของมันได้สมบูรณ์ครบถ้วนดี และข้อแตกต่างอีกอย่างหนึ่งก็คือ เราไม่สามารถใส่เข้าหรือถอดออกได้ตามใจปรารถนาเหมือนอย่างหน้ากาก

เป็นเรื่องน่าแปลกที่ว่า ถึงแม้พันธนาการแห่งชีวิตนี้จะมีความหนาแน่นเพียงใด แต่เมื่อคนเราอยู่บนโลกไซเบอร์ มันก็เปรียบเสมือนว่าเกราะที่คอยปิดบังทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้อย่างแน่นหนาและรัดกุมนี้ แทบจะถูกปลดออกไปอย่างสิ้นเชิง มันทำให้คนเราเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ตรงหน้าผู้คนบนโลกที่ไม่อาจสัมผัสหรือรับรู้ได้ว่าใครเป็นใคร เพราะเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็จะพอใจที่จะเปิดเผยเรื่องที่เก็บเอาไว้มานานออกมาให้ผู้อื่นได้รับรู้ เพราะมั่นใจได้ว่าคนที่บังเอิญผ่านมาพบเรื่องราวเหล่านั้น ก็จะบังเอิญผ่านมันไปโดยได้ใส่ใจ และไม่เก็บเอาไปคิดให้ปวดหัวนั่นเอง

แต่แล้วถ้าหากเรื่องราวทั้งหลายทั้งปวงที่หลุดรอดออกมาจากเกราะแห่งชีวิตนี้ มีใครบังเอิญพบ และเก็บมันมาเป็นเรื่องสลักสำคัญของชีวิต คนๆนั้นก็อาจจะคิดได้เองในภายหลังว่า "เรื่องบางเรื่อง ไม่รู้ซะยังจะดีกว่า" เพราะนอกจากจะไม่สามารถช่วยอะไรใครได้แล้ว ยังจะทำให้ชีวิตต้องหนักอึ้งไปด้วยภาระต่างๆ ที่เจ้าของเรื่องเองอาจจะต้องการ หรือไม่ต้องการให้มีใครเข้ามาสนใจใยดีเลยก็ได้

แต่เรื่องที่น่าคิดอย่างหนึ่งก็คือ "เพราะเหตุใด คนหนึ่งคนถึงสามารถปิดบังซ่อนเร้นเรื่องต่างๆมากมายไว้ภายใต้เกราะบางๆนั้นได้ ?" หากใครสักคนได้ลองถามใจตัวเองแล้วคงพบว่าคำตอบที่ได้อาจจะมีหลากหลาย หรืออาจจะไม่มีคำตอบเลยก็ได้ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะคิดอย่างไรเท่านั้นเอง









ชอบบทความนี้กันบ้างมั้ยเนี่ย เครียดไปป่าว

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2551

~*ZealSheSis*~

วันนี้ไม่รู้จะเขียนอะไร ก้เลยจะมาอัพบล็อก
ZealSheSis
ZealSheSis
ZealSheSis
ZealSheSis



มันคืออะไร สำคัญแค่ไหน ผูกพันขนาดไหน ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน


รู้แค่ว่า คำ ๆ นี้มีค่ามีความหมาย


ผูกพันไปจนสุดก้นบึ้ง ถึงขั้วหัวใจ


คือมิตรภาพ


คือความทรงจำ


คือความสนุก


คือความรัก


คือความสุข


คือความทุกข์


และบางครั้ง.....






ก้คือ ........ น้ำตา




แต่ ZealSheSis


ทุกคน


จะอยู๋ในความทรงจำที่สวยงาม


เธอทุกคนคือเพื่อนที่มีค่ามากมาย



เป็นเช่นนี้เสมอมา





และจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป







จบภาค 1




ps. มีต่อภาค 2 นะ

วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2551

คุณเคยเหงามั้ย

ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่ไปมามากมาย


ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย.....


ที่บางครั้งจะเกิดความรู้สึกเงียบเหงาอ้างว้างขึ้นในใจ


โดยเฉพาะเมื่อลองเหลียวมองรอบกายแล้ว


ก็ไม่เห็นใครสักคนอยู่เคียงข้าง ~~


เมื่อความเหงาเดินทางถึงที่สุด


หลายคนอาจจะเกิดคำถามเล็กๆ ขึ้นในใจว่า


จะมีสักวันบ้างไหมที่เราจะได้พบกับใครคนนั้น


บนมิตรภาพที่งดงามของคำว่า เพื่อนแท้ !!!!



วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2551

Meaning of Friend


A Friend... is a tissue when you can't stop crying

A Friend... is a shoulder when you feel like dying

A Friend... always listens when you have something to say

A Friend... is a week when you need a day

A Friend... is a crutch when you have a brokenheart

A Friend... is some glue when everything falls apart

A Friend... is a sun when the rain just won't stop

A Friend... is your mom when you run into a cop

A Friend... is a phone call when you can't leave your home

A Friend... is a hand when you feel all alone

A Friend... is a wing if you want to fly

A Friend... understands without knowing why

A Friend... is an ear for a secret to tell

A Friend... is an aspirin when your head hurts like hell

A Friend... is a love that can never let go

A Friend... is you, and i wanted you to know!!



i hope ....A FRIENDSHIP between you & me is forever more...